ตงเป่ยตัวเมืองที่หนาวทางภาคเหนือของกรุงปักกิ่ง

ตงเป่ยเมืองที่เย็นทางตอนเหนือของกรุงปักกิ่ง
พื้นที่ทางตอนเหนือของกรุงปักกิ่งคือเขตที่ราบทางเหนือ (North China Plain) อันอุดมในเขตมณฑลเหลี่ยวหนิง (Liaoning) มณฑลจิหลิน (Jilin) และมณฑลเอยหลงเจียง (Heilongjiang) เขตแห่งนี้มีพรมแดนทางทิศประจิมคือเขตทุ่งหญ้าสเต็ปแห่งมองโกเลีย และพรมแดนทางทิศประจิมคือคาบสมุทรเกาหลี ชื่อเดิมของเขตนี้คือแมนจูเรีย (Manchuria) ในสมัยราชวงศ์ชิงที่ชาวแมนจูมีอำนาจในราชบัลลังค์จีน ชาวฮั่นถูกกีดกันไม่ให้เข้ามาตั้งรกรากอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ข้อบังคับนี้มีผลถึงกลางศตวรรษที่แล้วเนื่องด้วยความกดดันจากจำนวนประชาชนพลเมืองที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และความโกลาหลอันเกิดจากกบฏไท่ผิง (1850-1864) ส่งผลให้เกิดการอพยพย้ายถิ่นฐานของคนจีนฮั่นเข้ามาพื้นที่นี้ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้พยายามแยกดินแดนแห่งนี้ออกจากการครอบครองของเมืองจีน โดยตั้งคณะรัฐบาลหุ่นเชิดที่มีปูยีจักรพรรดิองค์สุดท้ายของเมืองจีนเป็นผู้นำ ปัจจุบันตงเป่ยมีประชากรประมาณ 100 ล้านคน
คุณสามรถเดินทางจากกรุงปักกิ่งไปยังตงเป่ยได้โดยใช้เส้นทางรถไฟทรานส์-ไซบีเรีย (trans-Siberia Railway) รถไฟสายนี้เส้นที่ผ่านเมืองฉางชุน (Changchun) วิ่งเข้าสู่เมืองจิหลิน (Jilin) และเมืองฮาร์บิ้น (Harbin) ในขณะที่เส้นทางผ่านเมืองชิชิฮาร์ (Qiqihair) จะตัดไปยังเมืองไฮลาร์ (Hailar) และเมืองมันโจวหลี่ (Manzhouli) ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของประเทศจีนก่อนเข้าสู่เขตแดนของสหภาพโซเวียต เมืองเซินหยาง (Shenyang) นครหลวงของมณฑลเหลี่ยวหนิง อยู่ห่างจากปักกิ่งไป 520 ไมล์ (840 กิโลเมตร) และใช้เวลาแรมรอนประมาณ12 ชั่วโมง โดยรถด่วนแต่ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งโดยทางอากาศ เส้นทางรถไฟนี้วิ่งขนานชายฝั่งของทะเลป๋อไห่ (Bohai) เป็นช่วงยาวโดยผ่าน เมืองเป่ยไดเหอ (Beidaihe) เมืองพักผ่อนชายทะเล และเมือง ซิงเชิง (Xingcheng) ซึ่งเป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศอีกแห่งและเป็นเมืองเก่าแก่มีมาแต่สมัยราชวงศ์หมิง ช่วงเวลาที่ดีที่สุดหากต้องการเดินทางไปยังเมืองเซินหยางและเมืองอื่นๆในอีสานของเมืองจีนคือในช่วงหน้าร้อน เนื่องจากมีฤดูหนาวซึ่งกินเวลาช้านานมีความหนาวเย็นมากในปัจจุบันเซินหยางมีประชาชนพลเมือง 4.5 ล้านคน และมีชื่อในภาษาแมนจูว่า มุคเดน (Mukden) เมืองเซินหยางเป็นเมืองชุมทางของเส้นทางคมนาคมสายต่างๆ ในเขตตะวันออกเฉียงเหนือของจัน และเป็นเมืองอุตสาหรรมที่มีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของดินแดนที่มีความเป็นมาอันยาวนาน สมัยราชวงศ์ซ้องเมืองนี้กลายเป็นเมืองจุดรวมการแลกเปลี่ยนซื้อขายปศุสัตว์ซึ่งหมู่ชนเร่ร่อนเป็นผู้เพาะพันธุ์และนำมาขายในสมัยราชวงศ์ชิงของชาวแมนจู ทุกวันนี้ชาวแมนจูกว่าครึ่งหนึ่งของชาวแมนจูทั้งหมดในจีนอาศัยอยู่ในมณฑลนี้ ชาวแมนจูไม่ได้รับสิทธิในฐานะชนหมู่น้อยจวบจน ค.ศ.1970 เนื่องจากถือกันว่าเป็นกลุ่มชนเดียวกับชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ มณฑลเหลี่ยวหนิงมีหน่วยดูแลตนเองอยู่หลายแห่ง ซึ่งโดยมากเป็นหน่วยปกครองตนเองของชาวแมนจู ซึ่งมีการจัดแสดงแบบท้องถิ่นให้คนต่างประเทศที่เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวเข้าชม พิพิธภัณฑ์ศิลปะและธรรมเนียมปฏิบัติแมนจู (Museum of Manchu Art and Culture)
ที่มา : http://merrybrighttravel.com/TourChina.html

No comments:

Post a Comment